วันพุธที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2560

แผนการสอนวิทยาศาสตร์ตามหลัก DRU

คณะครุศาสตร์  มหาวิทยาลัยราชภัฎธนบุรี ข้อสอบกลางภาควิชาวิจัยทางการศึกษา
ชื่อนักศึกษา :      1. นางสาวเกษรา  มัจฉา                                       รหัสประจำตัว     5641060132
                        2. นางสาวภัทราพร  ผดาศรี                                     รหัสประจำตัว     5641060134
คำชี้แจง  จงใช้คำถามในตอนที่  1 ตอบคำถามโดยกลุ่มร่วมมือกันแสวงหาคำตอบที่ถูกต้อง ส่วนคำตอบ /ตัวเลือกที่ไม่ถูกต้องให้ระบุหรืออธิบายว่าไม่ถูกต้องอย่างไร
ตอนที่ 1 จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องเพียงคำตอบเดียว


1.  การวิจัยทางการศึกษา คือ ข้อใด
ก.  การศึกษาหาความจริงด้วยวิธีการเชิงระบบ
ข.  การค้นหาความจริงและสรุปรายงาน
ค.  การศึกษาความรู้ด้วยวิธีการที่เป็นที่ยอมรับ
ง.  การศึกษาตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

2. ข้อความใดที่ปรากฎทั้งขอบเขตการวิจัยและวิธีดำเนินการวิจัย
ก. ปัญหาวิจัย
ข. ตัวแปรศึกษา
ค. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ง. ระยะเวลาในการศึกษาวิจัย
3. การวิจัยในชั้นเรียนเป็นการวิจัยตามข้อใด
ก.  การวิจัยแก้ปัญหาของผู้เรียนในอดีต
ข.  การวิจัยพัฒนาคุณภาพการศึกษา
ค.  การวิจัยในกระบวนการเรียนรู้
ง.  การวิจัยพัฒนาการเรียนการสอน

4. ลักษณะการวิจัยที่ดีมีเรื่องใดสำคัญที่สุด
ก. มีความเที่ยงตรงภายใน
ข. มีความเชื่อมั่น
ค. มีความเป็นปรนัย
ง. มีการวิเคราะห์แบบผสม(Mix Method


ตอนที่ 2 จงเขียนคำตอบลงในช่องว่างที่กำหนดให้ กรณีที่ไม่พอเขียนให้เขียนที่ด้านหลังกระดาษ
            ให้นักศึกษาเลือกสาระ มาตรฐานและตัวชี้วัด ในการเตรียมตัวทดลองสอน และนำเสนอกระบวนการพัฒนาการสอน ตามขั้นตอนกระบวนการวิจัยในชั้นเรียนตามลำดับต่อไปนี้
ชื่อเรื่อง
            แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง  การจำเเนกประเภทของสารโดยใช้เนื้อสารเป็นเกณฑ์
มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจสมบัติของสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสารกับโครงสร้าง
และแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ และนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
            ตัวชี้วัด
ว 3.1 ม.1/1 ทดลองและจำแนกสารเป็นกลุ่มโดยใช้เนื้อสารหรือขนาดอนุภาคเป็นเกณฑ์ และอธิบายสมบัติของสารในแต่ละกลุ่ม
1. วิเคราะห์ความต้องการเรียนรู้/  พัฒนาการเรียนรู้ (ระบุจุดมุ่งหมายการเรียนรู้-แผนจัดการเรียนรู้ สิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ และ เครื่องมือวัดผลการเรียนรู้)
จุดประสงค์การเรียนรู้
            1.  อธิบายเกี่ยวกับการจำแนกประเภทสารโดยใช้ลักษณะเนื้อสารเป็นเกณฑ์ได้ (K)
            2.  บอกความหมายของสารเนื้อเดียวและสารเนื้อผสมได้ (K)
            3.  ยกตัวอย่างสารเนื้อเดียวและสารเนื้อผสมที่นักเรียนพบในชีวิตประจำวันได้ (K)
            4.  จำแนกประเภทสารโดยใช้ลักษณะเนื้อสารเป็นเกณฑ์ในการจำแนกได้ (P)
            5.  แสดงความเป็นผู้ที่มีความอยากรู้อยากเห็นมีเหตุผลและใจกว้างยอมรับฟังความคิดเห็น
ของผู้อื่น (A)
สาระการเรียนรู้
            สารและการจำแนกประเภทของสาร
-          การจำเเนกประเภทของสารโดยใช้เนื้อสารเป็นเกณฑ์
สาระสำคัญ
1.       ความรู้
            การจำแนกประเภทสารโดยใช้ลักษณะเนื้อสารเป็นเกณฑ์สามารถจำแนกได้ 2 ประเภทคือ
            1สารเนื้อผสมคือสารที่มีลักษณะเนื้อสารไม่กลมกลืนกันเมื่อสังเกตสามารถบอกได้ว่า
มีสารองค์ประกอบมากกว่า
  1 ชนิด เช่น น้ำแป้งดิบ น้ำโคลน ดิน
            2สารเนื้อเดียวคือสารที่มีลักษณะเนื้อสารกลมกลืนกันเช่นน้ำน้ำหวานลูกเหม็น

2.  ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด
ทักษะการสำรวจ  ทักษะการคิดวิเคราะห์  ทักษะการสื่อความหมาย  ทักษะการจัดระบบความคิดเป็นแผนภาพและทักษะการทำกิจกรรมโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 
3.  สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
     ความสามารถในการสื่อสาร    ความสามารถในการคิด    ความสามารถในการแก้ปัญหา
4คุณลักษณะอันพึงประสงค์
                 มีความมุ่งมั่นในการทำงาน  และใฝ่เรียนรู้ 
ชิ้นงานและภาระงาน
-          ใบกิจกรรมที่ 1.1เรื่อง การจำแนกประเภทสารตามลักษณะเนื้อสาร
-          ทำกิจกรรมกลุ่ม
-          ทำการทดลอง
-          ใบงานที่ 1.2ยกตัวอย่างสารที่อยู่ในชีวิตประจำวัน โดยใช้ลักษณะเนื้อสารเป็นเกณฑ์ในการจำแนก
สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
            1.  พริกกับเกลือ             
            2.  ส้มตำ                                   
            3.  ถ่าน             
            4.  ลูกเหม็น                              
            5.  แอลกอฮอล์สำหรับเช็ดแผล
            6.  น้ำเกลือ                    
            7.  น้ำหวาน                  
            8.  อากาศบรรจุถุงพลาสติก          
            9.  ลอดช่องน้ำกะทิ                    
          10.   น้ำแป้งดิบ                
          11.   ใบงานที่ 1.1 เรื่องการจำแนกประเภทสารตามลักษณะเนื้อสาร
12.   ใบงานที่ 1.2 ยกตัวอย่างสารที่อยู่ในชีวิตประจำวัน โดยใช้ลักษณะเนื้อสารเป็นเกณฑ์ในการจำแนก
13.   หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.1

2. วางแผนจัดประสบการณ์/การเรียนรู้
ขั้นที่ 1 สร้างความสนใจ (engagement)(5 นาที)
            1. ครูทบทวนความรู้และใช้คำถามกระตุ้นความคิดของนักเรียนโดยครูถามคำถามดังนี้    
                     1.1 ถ้านักเรียนจำแนกประเภทของสาร  โดยใช้ลักษณะเนื้อสารเป็นเกณฑ์ในการจำแนก
จะสามารถจำแนกได้กี่ประเภท อะไรบ้าง(แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือสารเนื้อเดียว และสารเนื้อผสม)
                     1.2 นักเรียนรู้หรือไม่ว่าสารเนื้อเดียว และสารเนื้อผสมต่างกันอย่างไร (สารเนื้อเดียวจะมีลักษณะเนื้อสารที่กลมกลืนกัน ส่วนสารเนื้อผสมจะมีลักษณะเนื้อสารที่ไม่กลมกลือกันเมื่อสังเกตจะบอกได้ว่ามีสารที่เป็นองค์ประกอบอยู่มากกว่า 1 ชนิด)

ขั้นที่ 2 สำรวจและค้นหา (exploration) (20 นาที)
1.       ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม 6 กลุ่มกลุ่มละ 8 คน
2.       ครูแจกใบงานให้นักเรียนศึกษาวิธีทำในกิจกรรมที่ 1 เรื่อง การจำแนกประเภทสารตามลักษณะเนื้อสาร ในใบงานที่ 1.1 จนเข้าใจ
3.       ครูชี้แจงใบงานเพื่อแนะแนวทางในการจัดกิจกรรมดังนี้
   3.1 สารตัวอย่างที่นำมาทดลอง ห้ามนักเรียนรับประทานโดยเด็ดขาดเพราะภาชนะบรรจุอาจสกปรกและทำให้เป็นอันตรายแก่นักเรียนได้
   3.2 ควรระวังอย่าทำให้สารตัวอย่างหกเลอะเทอะ
   3.3 หากองค์ประกอบของสารตัวอย่างมีมากกว่า 1 สถานะปนกันอยู่ให้นักเรียนบันทึกให้ครบทุกสถานะ
            4.   ให้นักเรียนทำกิจกรรมที่ 1 เรื่อง การจำแนกประเภทสารตามลักษณะเนื้อสาร จากนั้นบันทึกผลการทำกิจกรรมลงในใบงานที่ 1.1

ขั้นที่ 3 อธิบายและลงข้อสรุป (explanation) (20 นาที)
1. ให้ผู้แทนนักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลการทำกิจกรรมหน้าชั้นเรียน เพื่อเปรียบเทียบและตรวจสอบความถูกต้อง
2. ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลการทำกิจกรรม โดยครูใช้คำถาม ดังนี้
            2.2 สารใดบ้างที่มีลักษณะเนื้อสารเป็นเนื้อเดียวกัน และสารใดบ้างที่มีลักษณะเนื้อสารไม่เป็นเนื้อเดียวกัน (สารที่เป็นเนื้อเดียวกันคือ ถ่าน ลูกเหม็น แอลกอฮอล์เช็ดแผล น้ำเกลือ น้ำหวาน อากาศบรรจุถุงพลาสติก และสารที่ไม่เป็นเนื้อเดียวกันคือ ส้มตำ พริกกับเกลือ ลอดช่องน้ำกะทิ น้ำแป้งดิบ )
ขั้นที่ 4 ขยายความรู้(elaboration) (10 นาที)
ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มยกตัวอย่างสารที่อยู่ในชีวิตประจำวัน โดยใช้ลักษณะเนื้อสารเป็นเกณฑ์ในการจำแนก ดังนี้ สารเนื้อเดียว 5 อย่าง สารเนื้อผสม 5 อย่าง พร้อมทั้งบอกความหมายของสารเนื้อเดียวและสารเนื้อผสมลงในใบงานที่ 1.2 พร้อมนำเสนอแต่ละกลุ่ม

ขั้นที่ 5 ประเมิน (evaluation) (5 นาที)
            ครูประเมินการเรียนรู้ของนักเรียน ดังนี้ สังเกตพฤติกรรมขณะนักเรียนทำการทดลองและการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มสังเกตจากการรายงานหรือจากผลที่ได้จากการทำกิจกรรมของนักเรียนการตอบคำถามในชั้นเรียนและการตอบคำถามในใบงาน
3. จัดกิจกรรมการเรียนรู้ตาม  DRU และกลุ่มย่อย
กิจกรรมการเรียนรู้( 1 ; DESCN)
ขั้นที่ 1 สร้างความสนใจ (engagement)(5 นาที)(2 ;  ), ( 3 ; RBL )
            1. ครูทบทวนความรู้และใช้คำถามกระตุ้นความคิดของนักเรียนโดยครูถามคำถามดังนี้    
                     1.1 ถ้านักเรียนจำแนกประเภทของสาร  โดยใช้ลักษณะเนื้อสารเป็นเกณฑ์ในการจำแนก
จะสามารถจำแนกได้กี่ประเภท อะไรบ้าง(แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือสารเนื้อเดียว และสารเนื้อผสม)
                     1.2 นักเรียนรู้หรือไม่ว่าสารเนื้อเดียว และสารเนื้อผสมต่างกันอย่างไร (สารเนื้อเดียวจะมีลักษณะเนื้อสารที่กลมกลืนกัน ส่วนสารเนื้อผสมจะมีลักษณะเนื้อสารที่ไม่กลมกลือกันเมื่อสังเกตจะบอกได้ว่ามีสารที่เป็นองค์ประกอบอยู่มากกว่า 1 ชนิด)

ขั้นที่ 2 สำรวจและค้นหา (exploration) (20 นาที)
1.       ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม 6 กลุ่มกลุ่มละ 8 คน
ครูแจกใบงานให้นักเรียนศึกษาวิธีทำในกิจกรรมที่ 1 เรื่อง การจำแนกประเภทสารตามลักษณะเนื้อสาร ในใบงานที่ 1.1 จนเข้าใจ(2 ;  ),( 4 ; NFE )
2.       ครูชี้แจงใบงานเพื่อแนะแนวทางในการจัดกิจกรรมดังนี้
   3.1 สารตัวอย่างที่นำมาทดลอง ห้ามนักเรียนรับประทานโดยเด็ดขาดเพราะภาชนะบรรจุอาจสกปรกและทำให้เป็นอันตรายแก่นักเรียนได้
   3.2 ควรระวังอย่าทำให้สารตัวอย่างหกเลอะเทอะ
   3.3 หากองค์ประกอบของสารตัวอย่างมีมากกว่า 1 สถานะปนกันอยู่ให้นักเรียนบันทึกให้ครบทุกสถานะ
            4.   ให้นักเรียนทำกิจกรรมที่ 1 เรื่อง การจำแนกประเภทสารตามลักษณะเนื้อสาร จากนั้นบันทึกผลการทำกิจกรรมลงในใบงานที่ 1.1

ขั้นที่ 3 อธิบายและลงข้อสรุป (explanation) (20 นาที)
1. ให้ผู้แทนนักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลการทำกิจกรรมหน้าชั้นเรียน เพื่อเปรียบเทียบและตรวจสอบความถูกต้อง(6 ; )
2. ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลการทำกิจกรรม โดยครูใช้คำถาม ดังนี้(6 ; )
            2.2 สารใดบ้างที่มีลักษณะเนื้อสารเป็นเนื้อเดียวกัน และสารใดบ้างที่มีลักษณะเนื้อสารไม่เป็นเนื้อเดียวกัน (สารที่เป็นเนื้อเดียวกันคือ ถ่าน ลูกเหม็น แอลกอฮอล์เช็ดแผล น้ำเกลือ น้ำหวาน อากาศบรรจุถุงพลาสติก และสารที่ไม่เป็นเนื้อเดียวกันคือ ส้มตำ พริกกับเกลือ ลอดช่องน้ำกะทิ น้ำแป้งดิบ )
ขั้นที่ 4 ขยายความรู้(elaboration) (10 นาที)
ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มยกตัวอย่างสารที่อยู่ในชีวิตประจำวัน โดยใช้ลักษณะเนื้อสารเป็นเกณฑ์ในการจำแนก ดังนี้ สารเนื้อเดียว 5 อย่าง สารเนื้อผสม 5 อย่าง พร้อมทั้งบอกความหมายของสารเนื้อเดียวและสารเนื้อผสมลงในใบงานที่ 1.2 พร้อมนำเสนอแต่ละกลุ่ม(6 ; ) , (5 ; Assessment)

ขั้นที่ 5 ประเมิน (evaluation) (5 นาที)
            ครูประเมินการเรียนรู้ของนักเรียน ดังนี้ สังเกตพฤติกรรมขณะนักเรียนทำการทดลองและการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มสังเกตจากการรายงานหรือจากผลที่ได้จากการทำกิจกรรมของนักเรียนการตอบคำถามในชั้นเรียนและการตอบคำถามในใบงาน(5 ; Assessment)






4. ประเมินผลการเรียนรู้

จุดประสงค์การเรียนรู้
วีธีการ
เครื่องมือ
เกณฑ์การผ่านการประเมิน
          1.  อธิบายเกี่ยวกับการจำแนกประเภทสารโดยใช้ลักษณะเนื้อสารเป็นเกณฑ์ได้ (K)

            2.  บอกความหมายของสารเนื้อเดียวและสารเนื้อผสมได้ (K)

            3.  ยกตัวอย่างสารเนื้อเดียวและสารเนื้อผสมที่นักเรียนพบในชีวิตประจำวันได้ (K)

            4.  จำแนกประเภทสารโดยใช้ลักษณะเนื้อสารเป็นเกณฑ์ในการจำแนกได้ (P)

คำถามเรื่องการจำแนกประเภทสารตามลักษณะเนื้อสาร
การทำงานในใบกิจกรรมและการตอบคำถาม




- ใบงานที่ 1.1 เรื่องการจำแนกประเภทสารตามลักษณะเนื้อสาร
- ใบงานที่ 1.2

คะแนนเต็ม 10

            5.  แสดงความเป็นผู้ที่มีความอยากรู้อยากเห็นมีเหตุผลและใจกว้างยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น (A)


สังเกตพฤติกรรมการทำงานร่วมกันในชั้นเรียน

แบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล


คะแนนเต็ม 15




5. รายงานผลการเรียนรู้
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น